สมัยนี้เงินคือตัวแทนของทุกสิ่ง อยากได้อะไร ส่วนใหญ่ต้องใช้เงินแลกมา ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน
หลายๆคนอยากรวย มีเงินเยอะๆ มี เทคนิค ก็ขยันทำนั่นนี่
ทำงานที่สอง สาม สี่มีรายได้เพิ่มขึ้นหลายช่องทางนับว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้ตัวเองมีรายได้จากหลายๆทาง
แต่ก็มีอีกหลายคนที่อยากมีรายได้หลายๆทาง แล้วไม่รู้จะทำอะไรดี เพราะ
มองไปทางไหนก็มีคนเขาขาย เขาทำกันหมดแล้วเจ้าใหม่ๆอย่างเราจะเอาอะไรไปสู้
สุดท้ายได้แต่คิด แล้วก็ไม่ได้ทำ เคล็ดลับในการหารายได้เพิ่ม เขาบอกให้เริ่มจากจุดเล็กๆ
คิดทำเล่นเป็นงานอดิเรกไปก่อน ทดลองตลาดไปเรื่อย วันหนึ่ง อาจดัง ปัง เว่อร์ขึ้นมาเองก็ได้
การอยากมีรายได้เพิ่ม แล้วเที่ยวไปถามใครว่า ควรทำอะไรดี
ปัญหานี้คนที่ตอบได้ดีที่สุด คือเจ้าของคำถามเอง
โดยลองตั้งโจทย์ ตั้งเงื่อนไขว่า… งานเสริมที่จะทำต้องสร้างรายได้ในระดับที่น่าพอใจ
ความ เ สี่ ย ง ไม่มาก ล ง ทุ น ไม่สูง
ช่วยเพิ่มเติมทักษะของตัวเองให้สูงขึ้น
และมีโอกาสต่อยอดได้ในอนาคต เมื่อได้ขอบเขตแล้วก็มาเฟ้นเอาจากใจของเรา
ว่าอะไร อันไหนที่ใช่ โดยใช้ตัวกรองอีก 3 ตัวคือ
อย่างแรก…คือ “ความรัก” ทำได้ดี มีประโยชน์กับคนอื่นขั้นแรก ลองถามใจตัวเอง แล้วจดแยกออกมาเป็นข้อ ๆ
ว่าเราชอบ รักที่จะทำอะไร สิ่งที่ทำแล้วมีความสุข นั่งทำนอนทำได้เป็นวันๆ ไม่เบื่อ
เช่น ชอบกิน ชอบ อ่ า น หนังสือชอบเล่นดนตรี ชอบวาดรูป ชอบดูตลก ชอบเที่ยว ชอบออกแบบ ชอบพูด ชอบพบปะผู้คน เป็นต้น
บางคนอาจชอบหลายๆอย่าง ก็เขียนออกทุกอย่างที่ชอบนั่นแหละ
ขั้นที่สอง อะไรคือ “สิ่งที่เราทำได้ดี”
หรือ สิ่งที่เพื่อนๆ คนในบ้านชอบวานให้เราทำ งานนั้นจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราทำงานนั้นได้ดี
ที่คนอื่นมองเห็น จึงไหว้วานเราบ่อยๆ
ขั้นที่สาม ลองดูว่าสิ่งที่เรารัก ทำได้ดีนั้น “สามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นได้หรือไม่”
สามารถแก้ปัญหาให้กับคนอื่นได้หรือเปล่า
จากนั้นก็นำทั้งสามขั้นนี้ มาคัดกรองแยกแยะ
ออกมาก็จะได้รายชื่อหรือชนิดของงานที่เราจะทำแล้ว อาจได้มาหลายชื่อหน่อยก็ไม่เป็นไร
ใส่ลงมาก่อน จากนั้นก็นำไปกรองกับเงื่อนไขที่ตั้งไว้ทีแรกอีกที
ที่ว่า.. “รายได้พอใจ” ความ เ สี่ ย ง ไม่มาก ล ง ทุ น ไม่สูง สามารถต่อยอดได้ในอนาคต
เมื่อกรองทั้งสองชั้นก็น่าจะเหลือตัวเลือก สักหนึ่งหรือสองอย่าง
ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆก็อาจ ทำไปทั้งสองเลยก็ได้
ถ้าทำไหว จะได้รู้ว่าแบบไหนรายได้ดีกวากัน
ยกตัวอย่างเช่น เจนมีอาชีพหลักเป็นครูพี่เลี้ยงเด็กอนุบาลแห่งหนึ่ง
เจนเป็นคนชอบฟังเพลง ชอบท่องเที่ยว อันนี้คือ
ข้อหนึ่งคือ สิ่งที่เจนรัก ส่วนสิ่งที่เจนถนัด คือ เจนเป็นคนเล่าเรื่องเก่ง เขียนเรียงความได้ดี
เพื่อนๆมักจะไหว้วานให้เจนแต่งเรื่องเล่านิทานให้สมัยเรียนมัธยม
ซึ่งบอกได้ว่า “ข้อสองเรื่องความถนัด” ของเจนนั้น คือ “การเขียน”
แต่งเรื่องนั่นเองทีนี้ก็มาคิดต่อว่า… การชอบฟังเพลง ชอบท่องเที่ยว
และแต่งเรื่องเขียนเรียงความได้ดี จะช่วยสร้างประโยชน์ให้คนอื่นได้อย่างไรบ้าง
เมื่อเจนลองคิดดู ก็ได้งานออกมา 2 อย่างคือ “เป็นนักแต่งเพลง กับเป็นมัคคุเทศก์”
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ เรียกว่ามันขายได้นั่นเอง
เมื่อได้มา 2 รายชื่อแล้วก็นำไปกรองกับเงื่อนไขอีกชั้นหนึ่งทั้งมัคคุเทศก์
และนักแต่งเพลงต่างให้รายได้ที่น่าพอใจกับเจน ความ เ สี่ ย ง
และการล ง ทุ นนั้นแทบจะไม่มี
เพราะทั้งสองอย่างนั้นไม่ต้อง ล ง ทุ น
ซื้ อ หาอุปกรณ์อะไรเลย มาถึงข้อสุดท้าย
อันไหนใช้ต่อยอดได้อันไหนที่เข้ากันได้
กับงานประจำ จะว่าไปงานทั้งสองอย่างนั้น
ไม่ขัดแย้งกับงานประจำเจน แต่งเพลง
สามารถทำได้ทุกวัน ส่วนมัคคุเทศก์ก็ใช้เวลาช่วงเส า ร์อาทิตย์ไปทำก็ได้
ทีนี้ก็เหลือแต่เจนชั่งใจแล้วว่าชอบอันไหนมากกว่ากัน หรือจะทำไปทั้งสองอย่างเลยก็ได้
จากตัวอย่างข้างต้น ทำให้คนที่อยากมีรายได้เสริม ใช้เป็นแนวทางในการเริ่มต้นทำงานเล็กๆ
ลองเลือกเอาจากสิ่งที่ตัวเองรัก ถนัด และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เ สี่ ย งน้อย ล ง ทุ น ไม่มาก
และนำไปต่อยอดได้เมื่อได้เริ่มลงมือทำแล้ว ผลงานนั้นจะฟ้องกลับมาเองว่าเราจะไปต่อได้ดีแค่ไหน
ถ้าเราเริ่มจากสิ่งที่ใจรัก ต่อให้เจออุปสรรค เราก็จะฟั นฝ่าไปได้
รายได้เริ่มต้นอาจไม่มากแต่ด้วยความที่ทำแล้วมีความสุข เป็นงานที่เข้ากับตัวเอง
เชื่อว่าวันหนึ่งมันจะสามารถพัฒนาต่อยอดสร้างรายได้ก้อนโตกลับมาให้
และทำให้เรากลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นมาได้
แหล่งที่มา : m o n e y h u b
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น